5 พฤษภาคม 2558 19:30 น. (แก้ไขล่าสุด 5 พฤษภาคม 2558 19:49 น.)
ศูนย์ข่าวขอนแก่น – มูลนิธิเอสซีจี รุกกิจกรรมตอบแทนสังคมสร้างประโยชน์การศึกษาให้เยาวชน ทุ่มงบกว่า 4 ล้านบาท ก่อสร้างและมอบอาคารเรียน พร้อมห้องน้ำและครุภัณฑ์ ให้โรงเรียนบ้านคำครึ่ง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เผยเป็นอาคารเรียนหลังที่ 34 ที่มอบให้กับโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร

วันนี้ (5 พ.ค.58) นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานพิธีมอบอาคารเรียนมูลนิธิเอสซีจี พร้อมด้วยห้องน้ำ มอบให้กับโรงเรียนบ้านคำครึ่ง ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น โดยการดำเนินงานของนายเมธา ประภาวกุล ประธานชมรมอาสาพัฒนาเอสซีจี, นายขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี, พร้อมนายกิตติพล พลพิลา ผอ.สำนักงานการประถมศึกษาขอนแก่นเขต 4 นางลัชรี เดชโยธิน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคำครึ่ง ตัวแทนกระทรวงศึกษาธิการ รับมอบและเปิดแพรอาคารเรียนมูลนิธิเอสซีจี พร้อมกับมอบห้องน้ำ ชั้นหนังสือ อุปกรณ์กีฬา และครุภัณฑ์

นายเมธา ประภาวกุล ประธานชมรมอาสาพัฒนาเอสซีจี กล่าวว่า นับแต่ปี 2522 เป็นต้นมา มูลนิธิเอสซีจี ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ชมรมอาสาพัฒนาเอสซีจี ซึ่งมีสมาชิกเป็นพนักงานของเอสซีจี ดำเนินงานก่อสร้างอาคารเรียนในท้องถิ่นทุรกันดาร เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาของเยาวชนและสังคมส่วนรวม ในปี 2558 นี้ ชมรมอาสาพัฒนาเอสซีจีได้พิจารณาคัดเลือกโรงเรียนบ้านคำครึ่ง ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เป็นโรงเรียนที่จะดำเนินงานสร้างอาคารเรียนหลังที่ 34 และห้องน้ำ ด้วยงบประมาณ 4 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 25 เม.ย. -5 พ.ค. 2558 และวันที่ 5 พ.ค.มีพิธีส่งมอบอาคารและห้องน้ำดังกล่าว

นายขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า มูลนิธิเอสซีจีร่วมกับชมรมอาสาพัฒนาเอสซีจีส่งมอบอาคารเรียนให้กับสำนักคณะ กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ทางการศึกษาของเด็กและ เยาวชน โดยได้สร้างและมอบอาคารเรียนไปแล้ว 33 ห้อง ห้องน้ำ 8 หลัง สถานพยาบาล 2 หลัง และถังเก็บน้ำฝน 2 ถัง โดยในปี 2558 นี้ได้สร้างอาคารเรียนและห้องน้ำด้วยงบประมาณ 4 ล้านบาท ให้แก่โรงเรียนบ้านคำครึ่ง ซึ่งเป็นอาคารเรียนหลังที่ 34

“เอสซีจีถือว่า การสร้างอาคารเรียนให้โรงเรียนที่ขาดแคลนนั้นเป็นการส่งเสริมการศึกษาของ เด็กและเยาวชน เป็นการลงทุนทางปัญญาที่คุ้มค่า และอยากเห็นเด็กๆที่นี่เติบโตเป็นคนเก่งและดีในวันหน้า โดยเชื่อมั่นว่า การศึกษาจะสร้างคน และจิตอาสาจะจรรโลงสังคมให้น่าอยู่กว่าเดิม” นายขจรเดชกล่าว