บอร์ด สกสค.เตรียมส่งหนังสือถึง บ.บิลเลี่ยนฯ เรียกเงินคืนทั้งหมด 2,500 ล.บาทพร้อมดอกเบี้ย โดยไม่มีการผ่อนผัน หลังผลตรวจสอบหลักทรัพย์พบ เงินสกุลคูนา ถูกยกเลิกใช้มูลค่าปัจจุบันต่ำกว่าที่เคยได้รับ ส่วนดราฟเช็คเป็นของปลอม ขณะที่เช็คเงินสดของ ธ.แลนด์แอนด์เฮาส์ยังไม่มีการยืนยันว่าเบิกจ่ายได้จริงหรือไม่ ส่วนหุ้นสโมสรฟุตบอลเรดิง ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ “ณรงค์” ยันดำเนินการตามขั้นตอนไม่ปรักปรำใคร ส่วนการเลิกจ้าง “สมศักดิ์” เลขาธิการ สกสค.อยู่ระหว่างพิจารณา

วันนี้ (28 พ.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ว่า นายพินิจศักดิ์ สุวรรณ รังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงผลการตรวจสอบตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ผู้แทนจากธนาคารทหารไทย สำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เดินทางเข้าตรวจสอบหลักทรัพย์ที่บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด นำมาใช้ค้ำประกันในการร่วมทุนกับกองทุนสนับสนุนพิเศษ กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ของ สกสค. ในโครงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี มูลค่า 2,100 ล้านบาท ซึ่งถูกนำมาเก็บไว้ในห้องมั่นคงภายในอาคารราชวัลลภ ศธ. ตามคำสั่งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

พล.ร.อ. ณรงค์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ในส่วนของเงินสกุลคูนา ของประเทศโครเอเชียนั้น ทางธนาคารทหารไทย ระบุว่าเป็นเงินที่ยกเลิกการใช้แล้ว ซึ่งแม้จะนำไปแลกที่ประเทศต้นทางก็ไม่ได้มีค่าเท่าจำนวนเงินเดิม อาทิ 100,000 คูนา เหลือเพียง 500 บาทไทยเท่านั้น อาจเหมาะกับนักสะสมแบงค์เก่า ส่วนดราฟเช็ค หรือ ตั๋วแลกเงิน มูลค่าประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้รับหนังสือยืนยันจากธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ประเทศไทยว่าเป็นของปลอม เพราะไม่มีสถานที่ปลายทางที่ระบุอยู่จริง ขณะที่เช็คเงินสดจากธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ จำนวน 2,100 ล้านบาท ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเบิกจ่ายได้จริงหรือไม่ ส่วนโฉนดที่ดินที่จ.เพชรบุรี ราคาประเมินอยู่ที่ประมาณ 37 ล้านบาท ขณะที่หุ้นสโมสรฟุตบอลเรดิง ประเทศอังกฤษ อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีมูลค่าตามที่ระบุไว้หรือไม่ 

อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นทาง สกสค.ได้ไปแจ้งความลงบันทึกไว้จำนวนหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ได้นำมาเก็บไว้ เพื่อไว้ใช้เป็นหลักฐานแล้ว ขณะเดียวคณะกรรมการสกสค. จะทำหนังสือถึงบริษัท บิลเลี่ยนฯ เพื่อเรียกเงินคืนทั้งหมด จำนวน 2,500 ล้านบาท จากการซื้อตั๋วสัญญา 2 ครั้งโดยเร็วที่สุด พร้อมดอกเบี้ย 7% นับแต่วันที่ซื้อตั๋วสัญญา โดยไม่มีการผ่อนผัน หากไม่สามารถนำมาชำระคืนได้ตามกำหนด ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย

“ส่วนนายสมศักดิ์ ตาชย เลขาธิการสกสค. จะมีความผิดด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ เพราะเราจะไม่ไปปรักปรำใคร การตรวจสอบต่าง ๆ ต้องดำเนินไปอย่างรอบคอบ ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ได้เชิญนายสมศักดิ์มาชี้แจงด้วยวาจาแล้ว แต่นายสมศักดิ์ ก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดซึ่งหากบริสุทธิ์ใจก็น่าจะมาชี้แจง ซึ่งทุกอย่างอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และกำลังพิจารณาว่าต้องมีการเลิกจ้างนายสมศักดิ์หรือไม่ รวมถึงจะต้องตรวจสอบไปถึงผู้เกี่ยวข้องในส่วนอื่น ๆ ด้วย”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

ขอขอบคุณข่าวสาร/ข้อมูลดีๆ จากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ