นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมองค์กรหลัก ครั้งที่ 15/2560 เมื่อวันอังคารที่ 18 เมษายน 2560 ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยมี พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม

● การสื่อสารและการสร้างการรับรู้แก่ประชาชน

นายกมล รอดคล้าย กล่าวว่า พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ได้กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ เช่น ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา แม้จะมีอุบัติเหตุลดลงกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากการที่รัฐบาลได้เข้มงวดกวดขันการบังคับใช้กฎหมายและการรณรงค์วินัยจราจรอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลไม่ได้ดีใจที่ตัวเลขลดลง เพราะยังมีประชาชนที่บาดเจ็บและเสียชีวิต รัฐบาลจึงขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันรณรงค์และปลูกจิตสำนึกในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อลดการสูญเสียให้มากที่สุด โดยเฉพาะอุบัติเหตุจำนวนมากที่ยังคงเกิดจากสาเหตุหลัก ๆ คือ ผู้ขับขี่ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร และอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นในถนนสายรองมากกว่าถนนสายหลัก

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่ได้จัดโครงการ “อาชีวะอาสา เทศกาลสงกรานต์ ปี 2560” ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2560 ตั้งแต่เวลา 08.00-00.30 น. เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตามเส้นทางถนนสายหลักและสายรองในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้เดินทางอย่างปลอดภัย รวมทั้งให้บริการสอบถามข้อมูลเส้นทาง สถานที่ท่องเที่ยว ที่พักร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่นั่งพักผ่อนสำหรับผู้เดินทาง โดยมีนักเรียนนักศึกษาและคณะครูอาชีวะเข้าร่วมให้บริการกว่า 20,000 คนทั่วประเทศ ใน 251 ศูนย์ทั่วประเทศ ซึ่งปรากฏว่ามีจำนวนผู้มาใช้บริการในครั้งนี้ 65,800 คน มีรถเข้ารับบริการ 35,929 คัน โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดลพบุรีที่มีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการมากที่สุด


● รับทราบมติ ครม.ที่เกี่ยวข้องกับ ศธ.

ที่ประชุมได้รับทราบ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง) กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เสนอ ที่มีการปรับปรุงกรอบคุณวุฒิจาก 9 ระดับ เป็น 8 ระดับ และปรับปรุงรายละเอียดองค์ประกอบระดับคุณวุฒิให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน (ASEAN Qualifications Reference Framework: AQRF) รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างระบบงานที่เกี่ยวข้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และเกณฑ์การเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียนให้มีความสมบูรณ์ ถูกต้องตามหลักวิชาการ มีความเป็นสากล และมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลให้สามารถนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติอย่างเป็นระบบและรูปธรรมมากยิ่งขึ้น (อ่านเพิ่มเติมจากข่าวสำนักงานรัฐมนตรีที่ 191)


● ศธ.เตรียมปลูกต้นไม้เพื่อพ่อ 999,899 ต้น และทำดอกไม้จันทน์จังหวัดละ 1 แสนดอก

นายกมล รอดคล้าย กล่าวว่า จากการที่กระทรวงศึกษาธิการได้จัดพิธีบรรพชาอุปสมบทข้าราชการ บุคลากร นักเรียน นิสิตนักศึกษา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “ทำดีเพื่อพ่อ” ระหว่างวันที่ 10-18 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีผู้สมัครใจเข้าร่วมบรรพชาอุปสมบทครั้งนี้จำนวน 9,989 รูปทั่วประเทศ ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการมีผู้เข้าร่วมบรรพชาอุปสมบท จำนวน 89 รูป จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นั้น

กระทรวงศึกษาธิการจะ “ทำดีเพื่อพ่อ” อย่างต่อเนื่อง โดยได้เตรียมโครงการ “ปลูกต้นไม้ เพื่อพ่อ”  999,989 ต้น ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมถึงได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้รับผิดชอบดูแล “ซุ้มวางดอกไม้จันทน์ ในช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยส่วนของพื้นที่ในกรุงเทพมหานครนั้น กระทรวงศึกษาธิการจะรับผิดชอบดูแลทั้งหมด 4 ซุ้ม คือ ซุ้มสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซุ้มสวนมิสกวัน ซุ้ม จปร. และซุ้มสหประชาชาติ ซึ่งจะมีการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลซุ้มละ 50 คน นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะทำดอกไม้จันทน์เพื่อแจกให้ประชาชนด้วย โดยจะแจ้งไปยังคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ทุกจังหวัด ขอความร่วมมือสถานศึกษาทั่วประเทศร่วมทำดอกไม้จันทน์เพื่อแจกประชาชน จังหวัดละ 1 แสนดอก รวมทั้งหมดประมาณ 7.7 ล้านดอก


● การจัดการศึกษาต่อเนื่องระยะสั้นในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ในสาขาวิชาชีพที่เป็น First S-Curve และ New S-Curve

ที่ประชุมได้รับทราบเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการจัดการศึกษาระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง ในสาขาอาชีพต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมเดิม (First S-Curve) และอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการต่อยอดมากขึ้น ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จะรับเป็นเจ้าภาพจัดประชุมวางแผนการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก เช่น TDRI, BOI, ผู้แทนกระทรวงแรงงาน ฯลฯ ในวันจันทร์ที่ 24 เมษายนนี้ เวลา 13.30 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน/ถ่ายภาพ
18/4/2560
http://www.moe.go.th/websm/2017/apr/192.html