พ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 12/2560 เมื่อวันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2560 ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา


เห็นชอบการกำหนดกรอบอัตรากำลัง บุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

ที่ประชุมเห็นชอบการกำหนดกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา/มัธยมศึกษาทั้ง 225 เขต ซึ่งกำหนดกรอบอัตรากำลังของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จากเดิม 14,300 ตำแหน่ง เป็น 10,926 ตำแหน่ง (ลดลงจากเดิม 3,374 ตำแหน่ง) โดยแบ่งเป็นกลุ่มกรอบอัตรากำลังในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 5 กลุ่ม และกรอบอัตรากำลังในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 3 กลุ่ม สืบเนื่องจากภาระงานที่เปลี่ยนแปลงไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 สั่ง ณ วันที่ 3 เมษายน 2560

โดยกรอบอัตรากำลังในครั้งนี้ เป็นกรอบอัตรากำลังที่ใช้ในระยะแรก และเมื่อมีการประกาศใช้ไปครบระยะเวลา 1 ปีแล้ว ให้มีการติดตามการปฏิบัติงานและภาระงานที่แท้จริง เพื่อปรับปรุงกรอบอัตรากำลังให้มีความเหมาะสมต่อไป

  • เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์พัฒนาข้าราชการครูฯ ก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา สพฐ.

ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

– ให้มีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ผ่านการพัฒนามีอุดมการณ์ วิสัยทัศน์ บุคลิกภาพ ความเป็นผู้นำ การพัฒนาองค์กรต้องมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ สามารถแสดงศักยภาพในสิ่งที่พัฒนาได้

– ให้มีการพัฒนาสมรรถนะรองผู้อำนวยการสถานศึกษา เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมง ตามขอบข่ายของการพัฒนา 3 ด้านคือ 1) คุณลักษณะรองผู้อำนวยการสถานศึกษาที่พึงประสงค์ 2) ภาวะผู้นำทางวิชาการ 3) การบริหารและการจัดการในสถานศึกษา

– การพัฒนาต้องใช้การเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น เรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสอนแนะ การศึกษาดูงาน ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) และวิธีการอื่นตามความเหมาะสม

– การประเมินผลการพัฒนาฯ เป็นการประเมินผลตามแผนพัฒนารายบุคคล (IDP : IndividualDevelopment Plan)

– ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการพัฒนา โดยร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา หรือหน่วยงานอื่น จัดทำรายละเอียดหลักสูตรเสนอ ก.ค.ศ. เพื่อทราบ แล้วดำเนินการพัฒนา ตลอดจนรายงานผลการดำเนินการพัฒนาให้ ก.ค.ศ. ทราบ

 

  • เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาสพฐ.

ที่ประชุมเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว 9 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2560 กรณีปกติ โดยปรับปรุงในประเด็น ดังต่อไปนี้

– คุณสมบัติของผู้ขอย้าย จากเดิมกำหนดว่า “ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาและปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาปัจจุบันติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 24 เดือน โดยนับถึงวันที่ 30 กันยายนของปีที่ยื่นคำร้องขอย้าย” เป็น“ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาและปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาปัจจุบันติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 24 เดือน โดยนับถึงวันที่ 31 ตุลาคม ของปีที่ยื่นคำร้องขอย้าย”

– การยื่นคำร้องขอย้าย กำหนดเป็น “ให้ผู้ประสงค์ขอย้ายยื่นคำร้องขอย้ายประจำปีตามแบบที่ ก.ค.ศ. กำหนด  พร้อมความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ในระหว่างวันที่ 1-15 สิงหาคม โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ ทั้งนี้ คำร้องขอย้ายให้ใช้พิจารณาย้ายได้ไม่เกินวันที่ 31 กรกฎาคม ของปีถัดไปหากพ้นกำหนดเวลา คำร้องใดยังไม่ได้รับการพิจารณาหรือพิจารณาไม่แล้วเสร็จ ให้ถือว่าคำร้องขอย้ายนั้นเป็นอันยกเลิก ทั้งนี้ ผู้ประสงค์ขอย้ายสามารถระบุสถานศึกษาที่ประสงค์จะย้ายไปดำรงตำแหน่งได้ทั้งสถานศึกษาที่เป็นตำแหน่งว่างและสถานศึกษาที่ไม่มีตำแหน่งว่างได้”

– การพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ให้ดำเนินการย้าย ตามลำดับ ดังนี้

ย้ายสังกัดเดียวกัน ภายในจังหวัดเดียวกัน ซึ่งมีขนาดเดียวกันก่อน / สังกัดเดียวกัน จากจังหวัดอื่น ที่มีขนาดเดียวกัน / สังกัดเดียวกัน ภายในจังหวัดเดียวกัน ขนาดใกล้เคียงกัน / สังกัดเดียวกัน จากจังหวัดอื่น ขนาดใกล้เคียงกัน /ย้ายไปสถานศึกษาต่างประเภท หรือข้ามขนาดสถานศึกษาที่เกินว่า 1 ขนาด ภายในจังหวัดเดียวกัน /ย้ายไปสถานศึกษาต่างประเภท หรือข้ามขนาดสถานศึกษาที่เกินว่า 1 ขนาด จากจังหวัดอื่น

กรณีที่จังหวัดใดมีสถานศึกษาขนาดใดขนาดหนึ่งเพียงสถานที่เดียว ให้พิจารณาในสังกัดเดียวกัน ขนาดใกล้เคียงกัน ภายในจังหวัดเดียวกัน ก่อนพิจารณาย้ายจากจังหวัดอื่น ซึ่งมีขนาดเดียวกัน

  • เห็นชอบ (ร่าง) กฎ ก.ค.ศ. ในการสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือน

ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง) กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยอำนาจการสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือน พ.ศ. ….เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2560 สั่ง ณ วันที่ 21 มีนาคม 2560 และคำสั่งที่ 19/2560 สั่ง ณ วันที่ 3 เมษายน 2560 และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนประกาศใช้ต่อไป

สรุปสาระสำคัญ ร่าง กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยอำนาจการสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือน พ.ศ. ….  ดังนี้

 

  • เห็นชอบ (ร่าง) มาตรฐานทางจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

เพื่อนำเสนอสำนักงาน ก.พ. เพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานทางจริยธรรม ที่ใช้กับองค์กรกลางบริหารงานบุคคลทุกองค์กร จำนวน 7 ข้อ ได้แก่

1) ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

2) มีความซื่อสัตย์ สุจริต เที่ยงธรรม มีจิตสำนึกและความรับผิดชอบที่ดี

3) มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน บริการด้วยความรวดเร็ว มีอัธยาศัย เสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ ยุติธรรมถูกต้อง เป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้

4) มีจิตสาธารณะ เสียสละและอุทิศเวลาให้แก่ราชการ ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

5) เคารพกฎหมาย มีวินัย ยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพ รักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์ ไม่ทำตนให้เป็นที่เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่

6) มีความรัก สามัคคี ปรองดอง ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

7) ดำรงตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบการกำหนดตำแหน่งและอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งเป็นอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 33 โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ และโรงเรียนนันทบุรีวิทยา ในพระบรมราชานุเคราะห์ เป็นกรณีพิเศษ

รวมทั้งเห็นชอบให้นำแนวปฏิบัติการอนุมัติให้แต่งตั้งข้าราชพลเรือนสามัญที่มีคุณสมบัติต่างไปจากคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 10 ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2557 มาใช้บังคับกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) โดยอนุโลม