นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 13/2560 เมื่อวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2560 ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม ว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สำคัญ ดังนี้
- อนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการเปลี่ยนตำแหน่ง การย้าย และการโอน ช้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และการย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญ ไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง”บุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2)”
โดยให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ.ตั้ง เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อเป็นการกระจายอำนาจให้กับ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง เป็นองค์คณะในหน่วยงานและในพื้นที่ ให้มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล เหมาะสมและตรงความต้องการของหน่วยงานในแต่ละจังหวัด โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
- ผู้ขอเปลี่ยนตำแหน่ง ย้าย หรือโอนต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
– มีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ตามมาตรฐานตำแหน่ง ที่ ก.ค.ศ. กำหนด
– รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของประเภท สายงาน และระดับที่จะแต่งตั้ง
– ไม่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม
– ไม่อยู่ระหว่างถูกสอบสวนว่ากระทำความผิดวินัย หรือถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยหรือจรรยาบรรณวิชาชีพ
– ไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอาญา เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
– ไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีล้มละลาย
สำหรับผู้ขอโอน นอกจากต้องมีคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว ต้องได้รับการยินยอมให้โอนจากผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งของส่วนราชการหรือหน่วยงานต้นสังกัดเดิม
- หน่วยงานการศึกษาที่จะรับโอน และรับย้ายต้องไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้หรือบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือก ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ตำแหน่งที่รับโอนที่ขึ้นบัญชีของหน่วยงานการศึกษา หรือ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง หรือบัญชีของส่วนราชการนั้น แล้วแต่กรณี ซึ่งรอการบรรจุและแต่งตั้ง
- หน่วยงานการศึกษาที่ได้รับการแต่งตั้งต้องมีจำนวนบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ไม่เกินกรอบอัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด ทั้งนี้ ตำแหน่งที่จะใช้รับการแต่งตั้ง ต้องเป็นตำแหน่งว่างที่มีอัตราเงินเดือน ที่มิใช่เป็นตำแหน่งที่รอการเลิกหรือยุบ หรือตำแหน่งที่มีเงื่อนไขตามที่ คปร.กำหนด หรือตำแหน่งที่สงวนไว้
- การเปลี่ยนตำแหน่ง การรับโอน และการรับย้ายต่างกลุ่มตำแหน่ง ไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการขึ้นไปจะต้องพิจารณาจากการประเมินบุคคลและผลงาน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด
- การให้ได้รับเงินเดือนให้ได้รับเงินเดือนเท่าเดิม กรณีที่เงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของระดับที่จะแต่งตั้ง ให้ได้รับเงินเดือนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด
- อนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการโอน”พนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการอื่น” มาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง “บุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2)”โดยมีหลักการที่สำคัญ ดังนี้
- หน่วยงานการศึกษาที่รับโอนต้องไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ หรือบัญชีผู้ได้รับคัดเลือก ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ตำแหน่งที่รับโอนที่ขึ้นบัญชีของหน่วยงานการศึกษา หรือ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ซึ่ง ก.ค.ศ. ตั้ง หรือบัญชีของส่วนราชการนั้น ซึ่งรอการบรรจุและแต่งตั้ง
- การพิจารณารับโอนให้ดำเนินการภายหลังจากการย้ายและการบรรจุและแต่งตั้ง
- ผู้ขอโอนต้องมีคุณสมบัติตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
- ผู้ขอโอนต้องได้รับความยินยอมให้โอนจากผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งของส่วนราชการหรือหน่วยงานต้นสังกัด กรณีผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดบริหารงานบุคคลในรูปคณะกรรมการ การโอนต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการฯ
- ตำแหน่งที่จะใช้รับโอนต้องเป็นตำแหน่งว่างที่มีอัตราเงินเดือน และมิใช่เป็นตำแหน่งที่รอการเลิกหรือยุบ
- หน่วยงานการศึกษาที่จะรับโอนต้องมีจำนวนบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ไม่เกินกรอบอัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ทั้งนี้ การรับโอนให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการขึ้นไป ผู้ขอโอนจะต้องผ่านการประเมินบุคคลและหรือผลงาน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด และ ก.ค.ศ. ได้กำหนดมาตรฐานการเปรียบเทียบตำแหน่งระหว่างพนักงานส่วนท้องถิ่น และข้าราชการอื่น กับตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) ไว้เรียบร้อยแล้ว
- เห็นชอบให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหนังสือสำนักงาน
ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.6/ว3 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2560 มาใช้เป็นหลักเกณฑ์และวิธีการในการคัดเลือกบุคคล
เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง “ศึกษาธิการจังหวัด” สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
โดยอนุโลม
โดยผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด โดยดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาแล้ว ดังต่อไปนี้
– ประเภทอำนวยการ ระดับสูง
– ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัด/กทม. ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด
– ประเภทอำนวยการ ระดับต้น มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
– ตำแหน่งอื่นที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ซึ่ง ก.ค.ศ. มีมติกำหนดตำแหน่งดังต่อไปนี้ เป็นตำแหน่งอย่างอื่นที่ ก.ค.ศ. กำหนด เพื่อเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ดังนี้
– ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับต้น และตำแหน่งที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าวิทยฐานะชำนาญการพิเศษรวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี
– ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับต้น และตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับตำแหน่งชำนาญการพิเศษ รวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี
– ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ ก.พ. เทียบเท่ากับประเภทอำนวยการ ระดับต้น และตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ รวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี
ดรุวรรณ บุญมาก, บัลลังก์ โรหิตเสถียร: สรุป/รายงาน
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงาน ก.ค.ศ.: ถ่ายภาพ
เผยแพร่: 28/8/2560