ผักกาดขาวปลี

 

ลักษณะทางพฤษศาสตร์ : [1]

ลักษณะทั่วไป ผักกาดขาวปลีจัดอยู่ในตระกูล Brassicaceae เป็นผักพื้นเมืองในแถบเอเชียตะวันออก เป็นพืชอายุสองปี แต่นิยมปลูกเป็นพืชล้มลุกปีเดียว มีถิ่นกำเนิดทางตอนเหนือของประเทศจีน มีระบบรากแก้วแต่ตื้น ลำต้นสั้น ไม่มีกิ่งแขนง ใบมีสีขาวถึงสีเขียวอ่อน ลักษณะเป็นผืนเดียวตลอด กาบใบหรือก้านใบกว้าง แบน มีสีขาว กรอบ มีน้ำมาก ใบจะห่อคล้ายปลี อาจแน่นหรือหลวมขึ้นกับสายพันธุ์ จะเริ่มห่อหัวเมื่อมีใบจริง 12 – 15 ใบ รับประทานได้ทั้งสด และนำมาประกอบอาหารต่างๆ ลักษณะหัวจะใหญ่ และมีจำนวนใบมากกว่า แน่นกว่าผักกาดขาวปลีที่ขายตามท้องตลาด และมักจะให้ผลผลิตมากในช่วงฤดูหนาว

การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร ผักกาดขาวปลีประกอบไปด้วยคุณค่าทางอาหารหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส วิตามินเอ และวิตามินซีค่อนข้างสูง มีกรดโฟลิค (folic acid) ที่มีบทบาทควบคุมความเป็นปกติของทารกในครรภ์มารดาระยะ 3 เดือนแรก และช่วยกระบวนการสังเคราะห์สารพันธุกรรม DNA ทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ถ้ามีกรดโฟลิคไม่เพียงพออาจทำให้ทารกพิการได้ โดยกระดูกสันหลังปิดไม่สนิท นอกจากนี้ผักกาดขาวปลียังช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ ขับเสมหะ และแก้พิษสุรา  สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น ใส่ซุป ผัด ทำแกงจืด จิ้มน้ำพริก และยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผักตากแห้ง ทำกิมจิ ( ผักดองเกาหลี )   ผักกาดดอง  หรือนำมาตกแต่งจาน

 

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม :  [1]

ผักกาดขาวปลีเป็นพืชผักเมืองหนาวต้องการความเย็นในการเจริญ อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตในช่วงแรกอยู่ระหว่าง 18–20 องศาเซลเซียส ในขณะที่อุณหภูมิที่เหมาะต่อช่วงเข้าปลีควรอยู่ระหว่าง  10 – 16 องศาเซลเซียส การปลูกในสภาพอุณหภูมิสูงกว่า  25 องศาเซลเซียส จะส่งผลให้ห่อหัวช้า คุณภาพต่ำ  เข้าปลีหลวม  มีรสขม  การเพาะกล้าหรือย้ายกล้าปลูกบนพื้นที่สูง ในช่วงฤดูหนาวหรือสภาพอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำ  จะกระตุ้นให้แทงช่อดอกเร็วขึ้น ดังนั้นควรเลือกใช้พันธุ์ที่เหมาะสม ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกควรเป็นดินที่ร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์สูง pH 6.0 – 6.5   การเตรียมดินควรขุดให้หน้าดินลึก  การระบายน้ำและอากาศดี ควรให้น้ำอย่างพอเพียงและสม่ำเสมอ และได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน

การปลูกและการปฏิบัติดูแลรักษาระยะต่างๆของการเจริญเติบโต : [1]

การเตรียมกล้า เพาะกล้าแบบประณีตในถาดหลุมเพราะจะทำให้การเข้าปลีดีขึ้น ในช่วงฤดูฝนอาจใช้การหยอดเมล็ดได้ หากเป็นฤดูร้อนควรเพาะในถาดหลุม  อายุกล้าไม่ควรเกิน 21 วัน

ข้อควรระวัง

  1. การหยอดเมล็ดไม่ควรเกินหลุมละ 2 – 3 เมล็ด
  2. ช่วงเพาะกล้าควรมีการฉีดพ่นธาตุอาหารเสริมและโบรอนด้วย

การเตรียมดิน ขุดดินตากแดด อย่างน้อย 14 วัน  เพื่อกำจัดโรค แมลงและวัชพืช ใส่ปูนขาวอัตรา 0 – 100 กรัม/ตร.ม. ทิ้งไว้ประมาณ 10 วัน ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 12 – 24 – 12 อัตรา 30 กรัม/ตร.ม. และปุ๋ยคอก อัตรา 1 กก./ตร.ม. เก็บเศษวัชพืชออกขึ้นแปลง ขนาด 1 เมตร

การปลูก หากใช้การหยอดเมล็ดควรรดด้วย เซฟวิน – 85 ระยะปลูก 30 x 40 ซม .

ข้อควรระวัง

  1. ช่วงการเจริญเติบโตระวังการขาดธาตุโบรอน ซึ่งจะแสดงอาการกาบใบแตกเป็นรอยดำ หากเปียกจะเกิดโรคเน่าเละ และจำหน่ายไม่ได้ โดยฉีดพ่นทุก 10 วันหลังจากย้ายปลูก
  2. ระวังโรคใบจุดที่เกิดจากเชื้อ Alternaria sp. ที่สามารถระบาดได้อย่างรวดเร็ว และทำให้ใบเป็นจุดเล็กๆ ไม่สามารถจำหน่ายได้
  3. ระวังการแทงช่อดอกในช่วงอากาศเย็นโดยเฉพาะต้นกล้าที่ได้รับความเย็นจัดนานๆ เมื่อนำไปปลูกจะทำให้แทงช่อดอกได้ง่ายไม่เข้าหัว
  4. ไม่ควรปลูกซ้ำที่เดิม
  5. ในช่วงฤดูร้อนควรให้น้ำโดยการปล่อยเข้าแปลง หากขาดน้ำพืชจะชะงักการเจริญเติบโตมีผลต่อการเข้าปลี

การให้น้ำ ให้แบบสปริงเกอร์ หรือตามร่อง

การให้ปุ๋ย 15–15–15 อัตรา 30 กรัม/ตร.ม. หรือ 46–0–0 อัตรา 30 กรัม/ตร.ม. หลังย้ายปลูก 15 – 20 วัน และ 13–13–21 อัตรา 30 กรัม/ตร.ม. หลังย้ายปลูก 25 – 30 วัน โดยให้มีการกำจัดวัชพืชพร้อมกับการให้ปุ๋ย

 

การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว : [2]

ช่วงเก็บเกี่ยว เมื่อายุประมาณ 60 วัน หรือเข้าหัวดีแล้ว เก็บเกี่ยวเมื่อมีขนาดและอายุเหมาะสมพอดีห่อปลีแน่นใช้มีดตัดที่โคนต้น แล้วทาปูนแดงที่รอยตัด ควรให้มีใบนอกเหลือ 2 – 3 ใบ ผึ่งให้แห้ง จัดมาตราฐานและกำจัดหัวที่เน่า หรือถูกแมลงทำลาย

ข้อกำหนดเรื่องคุณภาพ คุณภาพขั้นต่ำ เป็นผักกาดขาวปลีทั้งหัว เข้าปลีแน่นพอดี มีก้านใบสีขาว สด สะอาด มีใบนอกหุ้ม 2 – 3 ใบ แก่พอดี ไม่แทงช่อดอก ไม่อาการไส้เน่า ปลอดภัยจากสารเคมี


การจัดชั้นคุณภาพ


ชั้นหนึ่ง   1. น้ำหนักของหัว 700 – 1500 กรัม
2. มีตำหนิได้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนหัวในภาชนะบรรจุ
3. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ

ชั้นสอง   1. น้ำหนักของหัว 500 – 700 กรัม
2. มีตำหนิได้ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนหัวในภาชนะบรรจุ
3. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ

ชั้น U    1. น้ำหนักของหัว 500 – 700 กรัม
2. มีตำหนิได้ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนหัวในภาชนะบรรจุ
3. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ


ข้อกำหนดในการจัดเรียง ผักกาดขาวปลีในภาชนะบรรจุเดียวกันต้องเป็นชั้นคุณภาพเดียวกันและมีคุณภาพสม่ำเสมอ

การเตรียมสู่ตลาด หุ้มพลาสติกโพลีไวนีลคลอไรด์ (PVC) หรือบรรจุลงถุงพลาสติกเจาะรู

การเก็บรักษา อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 95 – 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถเก็บรักษาได้นาน 2 – 3สัปดาห์

ช่วงเวลาที่มีผลผลิต : ม.ค. – ธ.ค.


เอกสารอ้างอิง :
[1] หนังสือเรื่องการปลูกผักบนพื้นที่สูง
[2] ตุลาคม 2545.คู่มือการจัดชั้นคุณภาพผัก.กองพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์