ว่าด้วยเรื่อง รองเท้ากับคุณครู เห็นกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันมากอยู่ในขณะนี้ ลองมาฟังเรื่องนี้กันดูนะครับ

เมื่อเกือบสามสิบปีที่แล้ว วันหนึ่งขณะที่เด็กหนุ่มสามคนกำลังจะเดินลงจากอาคารหลังเลิกเรียน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นข้างหลังมาว่า “พวกมึงใส่รองเท้าบนอาคารได้ยังไง มานี่ซิ” ด้วยความตกใจ เพราะรู้ดีถึงกิติศัพท์ของครูเจ้าของเสียงที่ตะโกนด่าและเรียกเมื่อกี้นี้ เด็กหนุ่มทั้งสามจึงพร้อมใจกันวิ่งลงอาคารแบบไม่คิดชีวิต ในใจก็คิดว่าถ้าหนีไม่รอดมีหวังต้องตายแน่ๆ แต่ด้วยความที่เป็นครูผู้หญิงและอายุมากแล้ว มีหรือจะวิ่งตามเด็กหนุ่มทั้งสามรายได้ทัน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง “เฮ้ย ร.ด.ที่อยู่ข้างล่างนั่น ตามจับไอ้สามตัวที่วิ่งลงข้างล่างขึ้นมาให้ฉันที” คราวนี้มีหรือจะรอด ในที่สุดเด็กหนุ่มทั้งสามรายก็โดนหิ้วปีกขึ้นไปพบครู…ที่ชั้นสามของอาคาร ทันทีที่เจอหน้าครู เด็กหนุ่มทั้งสามคนถึงกับเข่าทรุดลงกับที่ ประโยคคำถามเดียว ที่หลุดออกจากปากครูในวันนั้นก็คือ “พวกมึงรู้จัก วินัย มั้ย” หลังจบประโยคเด็กหนุ่มทั้งสามรายก็ได้รับรางวัลเป็นฝ่ามือเข้าที่กกหูคนละหนึ่งที พร้อมๆกับคำสั่งให้ถอดรองเท้าและร้อยเชือกเข้าด้วยกันห้อยคอ แล้วคลานกลับไปมา บนระเบียงชั้นสามคนละสามรอบ ตบท้ายด้วยไม้เรียว แต่จำไม่ได้แน่ชัดว่าคนละสามหรือห้าที นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาทั้งสามรายก็รู้จักคำว่า “วินัย” เป็นอย่างดี
เด็กหนุ่มที่พูดถึงทั้งสามราย ปัจจุบัน คนหนึ่งคือท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม คนหนึ่งคือนิติกรประจำศาลจังหวัดหนองบัวลำภู และอีกคนหนึ่งก็คือผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านต่างแคน คนปัจจุบันนั่นเอง
อย่าพึ่งตัดสินภาพพฤติกรรมของครูที่เห็นในสื่อว่าเลวร้ายเลยครับ สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือเด็กขาดวินัย และเขาเหล่านั้น จะกลายเป็นพลเมืองชั้นเลว ที่ไม่รู้จักการเคารพกฎและกติกาของสังคมในอนาคต นั่นหมายถึงความไม่สงบสุขของประเทศชาติ เหมือนที่เราเคยเผชิญมาแล้ว เพียงเพราะมีพลเมืองที่ไม่มีวินัย อ้างแต่สิทธิ แต่ไม่คารพกฎเกณฑ์ของสังคม ขอความเข้าใจครูอีกมุมหนึ่งด้วยนะครับ
ขอบคุณอีกแง่มุม จาก
https://www.facebook.com/profile.php?id=100002813594292