อ.วังน้ำเขียว สถานที่แสนจะโรแมนติกในยามค่ำคืนสำหรับฉัน บรรยากาศแสนดี แถมยังเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก จนฉันอยากจะเก็บอากาศบริสุทธิ์นี้ใส่ขวดแก้วแล้วนำกลับมาฝากคนที่กรุงเทพฯ เสียจริง และที่แห่งนี้ยังมีความงดงามเล็กๆ น้อยๆ แต่ยิ่งใหญ่ในสายตาฉันอยู่ ทั้งช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ยามค่ำคืน และช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะโผล่ขึ้นมาทักทาย หรือแม้กระทั่งสายลมหนาวของช่วงต้นปีที่พัดแรงจนตัวสั่น

ผาเก็บตะวัน

เมื่อเลี้ยวรถเข้าสู่ อ.วังน้ำเขียว เราจะเห็นร้านกาแฟ รีสอร์ท บ้านคน ตลาดนัดเล็กๆ เนินเขาน้อยใหญ่ ฝูงวัว แปลงเกษตร และทุ่งดอกหญ้าสีน้ำตาลอ่อนกว้างสุดตา ตลอดสองข้างทาง แม้แสงแดดจะแรงแต่ลมหนาวกลับแรงกว่า ฉันตัดสินใจเลือกบ้านพักไม้เล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากจุดหมายสำคัญอย่าง ผาเก็บตะวัน ที่เราจะเดินทางขึ้นไปในช่วงยามเย็น

จากบ้านพักไปผาเก็บตะวัน ระยะทางเพียง 4 กิโลเมตร ผ่านอ่างเก็บน้ำห้วยขมิ้น และเมื่อขึ้นไปถึงผาเก็บตะวัน ใกล้ๆ ลานจอดรถก็จะเห็นลูกหมีควายอายุประมาณ 1 ขวบอยู่บนต้นไม้ ชะเง้อคอมองนักท่องเที่ยวอย่างเหงาๆ เพียงลำพัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลมันเล่าให้ฟังว่า มีชาวบ้านเข้าป่าแล้วไปเจอมันเข้า ก็เลยสันนิษฐานว่า แม่ของลูกหมีโดนนายพรานยิงตาย เพราะโดยธรรมชาติของลูกหมีจะอยู่ลำพังไม่ได้ ชาวบ้านก็เลยเอามาให้เจ้าหน้าที่ดูแล แล้วรอมันโตพอดูแลตัวเองได้ ก็จะปล่อยคืนสู่ป่า หากอีกสองสามปีข้างหน้ามาแล้วไม่เจอ ฉันก็รู้แล้วว่า มันโตพอที่อยู่ตามลำพังได้แล้ว