สาระน่ารู้

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสารอาหารสำหรับเด็ก

สารอาหารที่เด็กได้รับมีผลต่อพัฒนาการและสติปัญญา ความฉลาดทางสติปัญญาหรือไอคิว (INTELLIGECE QUOTIENT) เป็นการวัดความสามารถทางการคิดวิเคราะห์ ความสามารถทางวิชาการ วัดความจำ การอ่านเขียน คำนวณ แต่ไม่ได้วัดด้านอื่น ๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะต่างๆ ด้านการทำงาน ทักษะชีวิตประจำวัน ฯลฯ วัดได้จากอายุสมองเทียบกับอายุจริง ปกติควรอยู่ที่ 90-110 (อ้างอิงที่ 1) ไอคิวของเด็กนั้นขึ้นกับปัจจัยสำคัญ 3 ประการ หรือเรียกกันย่อ ๆ ว่า 3 N คือ

1. Nature : ได้แก่ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม กล่าวคือพ่อแม่ฉลาด ลูกก็จะมีพื้นฐานที่ดีในเรื่องระดับสติปัญญา

2. Nuture : ได้แก่ การเลี้ยงดู ซึ่งหมายถึงสิ่งแวดล้อมการกระตุ้นต่าง ๆ ที่มีผลต่อการพัฒนาระดับสติปัญญา (อ้างอิงที่ 2)

3. Nutrition : ได้แก่ โภชนาการ หรืออาหาร

เมื่อมาพิจารณาในปัจจัยเรื่อง Nutrition หรือโภชนาการแล้วหากเจาะลึกเข้าไปถึงสารอาหารที่เกี่ยวกับการพัฒนาและการทำ งานของสมองแล้ว จะมีชื่อเรียกเฉพาะกันว่า Neuronutrients (นิวโรนิวเทรียนส์) ตัวอย่างของ Neuronutrients ได้แก่อาหารประเภทโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดตร วิตามิน และแร่ธาติต่าง ๆ จากธัญพืช และผักผลไม้

Neuronutients บางชนิดที่น่าทำความรู้จักและมีผลต่อพัฒนาการมีดังนีุ้

Gligofructose

1. โปรตีน โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และบำรุงรักษาเซลล์ทุกชนิดของร่างกาย ซึ่งหมายความรวมถึงเซลล์ประสาทด้วย โปรตีนเกิดจากหน่วยเล็กที่เรียกว่า กรดอะมิโนมาเรียงต่อกัน เมื่อเรารับประทานโปรตีนเข้าไปร่างกายก็จะย่อยโปรตีนนั้นกลับมาเป็นกรดอะมิ โน เพื่อให้เซลล์ต่าง ๆ ดูดซึมไปใช้แหล่งของโปรตีนคือ เนื้อสัตว์ นม ไข่ และธัญพืช เช่น ถั่วเหลือง

2. ไขมัน เนื้อสมองประกอบไปด้วยส่วนประกอบที่เป็นไขมัน ซึ่งไขมันนั้นก็เกิดจากกรดไขมันนั่นเอง หนึ่งในกรดไขมันที่มีหลายๆงานวิจัยสนับสนุนว่ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองใน หลาย ๆ ด้าน คือ กรด ดี เอช เอ (DHA, โดโคซาเฮกซาอีโนอิก Docosa hexaenoic acid) แหล่งของ ดี เอช เอ คือ น้ำมันปลา DHA กำลังเป็นที่ให้ความสนใจอย่างมากในด้านบำรุงสมอง (อ้างอิงที่ 3-7)

3. คาร์โบไฮเดตร ร่างกายจะย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตเป็นหน่วยย่อยที่เรียกว่า กลูโคส ซึ่งกลูโคสนี่เอง ที่เป็นแหล่งพลังงานให้แก่สมองและเซลล์ประสาทต่าง ๆ พลังงานนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากต่อการส่งสัญญาณไฟฟ้าชีวภาพ (Bioelectric) ไปยังระบบประสาทรวมถึงจำเป็นต่อการใช้ในการซ่อมแซมประสาทที่สึกหรอด้วยกลูโคสได้จากคาร์โบไฮเดรตประเภท แป้ง และน้ำตาล

นอกจาก Neuronutrients แล้ว สารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อเด็กก็ยังมีอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น วิตามิน เกลือแร่ต่าง ๆ ใยอาหารเป็นต้น อย่างไรก็ตาม แหล่งของสารอาหารเหล่านี้มักจะอยู่ในผักและผลไม้ ธัญพืช ซึ่งผู้ปกครองหลายๆ ท่านมักประสบปัญหาว่าเด็ก ๆ มักจะบ่ายเบี่ยงและไม่ค่อยรับประทานกัน ทั้ง ๆ ที่สารอาหารเหล่านี้ส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดี เช่น

– ใยอาหาร ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ หากไม่ได้รับประทานอาหารที่มีกากใยแล้ว จะมีปัญหาเรื่องท้องผูกตามมาซึ่งหากปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรังก็จะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ

– เบต้า-แคโรทีน พบมากในแครอท เบต้า-แคโรทีนนอกจากจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงแล้ว ในภาวะที่ขาดวิตามินเอ เบต้า-แคโรทีนยังสามารถที่จะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย จึงป้องกันโรคได้หลายชนิดที่เกิดจากการขาดวิตามินเอ เช่น โรคตาฟางในเวลากลางคืน เติบโตช้า ผิวหนัง

แห้งกร้าน

ปัญหาดังกล่าวหากได้ทำการปรับเปลี่ยนเทคนิค เพื่อให้เด็ก ๆ ได้สารอาหารโดยที่เด็ก ๆ ไม่ปฏิเสธ โดยเปลี่ยนรูปอาหารให้เป็นที่น่าสนใจและชื่นชอบของเด็ก ๆ เช่น เป็นน้ำผัก ผลไม้ หรือเป็นขนมเม็ดเคี้ยวที่มีคุณค่าอาหารดังกล่าวอยู่ภายใน โดยเฉพาะขนมนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นของที่คู่กับเด็กเลยก็ว่าได้ หากมีอาหารที่มีคุณค่าที่อยู่ในรูปขนมที่อร่อย รับประทานง่ายแล้ว เด็ก ๆ จะชื่นชอบและจะช่วยให้เด็กได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาการทาง สมอง จึงเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในเด็ก ๆ

ขอบคุณมากสำหรับสาระน่ารู้ กิฟฟารีน