กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีมารน้อย 3 ตน แอบมาขโมยเอาความสุขของมนุษย์ไปแล้วก็ปรึกษากัน
ว่าจะเอาไปซ่อนที่ไหนดี มารน้อยตนแรกก็ว่าควรเอาไปซ่อนที่ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก
แต่มารน้อยตนที่ 2 ก็พูดขึ้นว่า เพื่อนเอ๋ยมนุษย์นั้นไม่กลัวความสูง แต่กลัวหายใจไม่ออก เพราะ
สังเกตได้ว่า ด้าน้้านิดเดียวก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาแล้ว เพราะกลัวหายใจไม่ออก แต่บนภูเขาอากาศดี มนุษย์ชอบ
ไปเที่ยวภูเขา เอาไปซ่อนไว้ใต้บาดาลดีกว่า
มารน้อยตนที่ 3 ก็พูดแย้งว่า อย่าเลยเพื่อนเอ๋ย มนุษย์มันเก่งสร้างเครื่องมือหาของในทะเล ใน
อากาศได้ เดี๋ยวมันก็หาเจอ แต่สังเกตได้ว่า นัยน์ตามนุษย์มองไปข้างนอก หูก็ชอบฟัง ชอบไปเที่ยวข้างนอก
เราควรแอบเอาไปซ่อนไว้ในใจมันดีกว่า มนุษย์หาไม่เจอแน่ๆ เพราะว่ามนุษย์ชอบหาความผิดของคนอื่น ไม่
ชอบขัดใจตัวเอง ไม่ชอบดูจิตใจของตัวเอง
ในที่สุดมารน้อยทั้ง 3 ตนก็ตกลงความเห็นเป็นเช่นเดียวกัน ตั้งแต่นั้นมามารน้อยก็เอาความสุขของ
มนุษย์มาซ่อนไว้ที่ใจ มนุษย์ผู้โง่เขลาจึงออกไปหาความสุขที่อื่น ที่ภูเขา ที่ชายทะเล ที่คลับร้องที่ร้องเพลง
มนุษย์จึงหาความสุขไม่พบ ต้องออกไปข้างนอกเพื่อหาความสุขในที่ผิดๆ ตลอดมา คนที่ไปเที่ยวเธคเที่ยวคลับ
กินเหล้า เพราะว่าเขามีทุกข์จึงต้องออกไปหาความสุขมา
กลบเกลื่อน มาเฉลี่ยเพื่อให้ทุกข์นั้นน้อยลง แต่พอเมาแล้วกลับบ้านหายเมาตื่นเช้าขึ้นมา ทุกข์นั้นก็
ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม โดยหารู้ไม่ว่า ความสุขที่เฝ้าติดตามหา อยู่ที่ใจตัวเองนั่นเองไยต้องออกไปหาความสุขที่
อื่นต่อให้หาเท่าไหร่ แต่ใจยังร้อนรุ่มไม่สงบก็หาความสุขที่แท้จริงไม่พบเสียที
สุดท้ายขอฝากเคล็ดลับแห่งความสุข “เมื่อใดที่เราวิ่งตามหาความสุข จะเอามันให้ได้ มันก็ยิ่งวิ่งหนี
จากเรา เมื่อใดที่เราลืมถึงความสุขของตนเอง และคิดแต่ความสุขของผู้อื่น เมื่อไม่ว่าจะไปที่ไหน ความสุขก็จะ
อยู่กับเราเสมอ”
บทความจากรายงานการประชุมคณะข้าราชการและลูกจ้าง ครั้งที่ 8/2555 เมื่อวันที่ 26
ธันวาคม 2555 น้าเสนอโดย นางสาวนิปุณณา วรรณสุข